Mindset (มายเซ็ท) ปัจจัยสำคัญสู่การพัฒนาตัวเองสู่ความสำเร็จ
ในที่สุดก็เริ่มปีใหม่! ปีที่เราจะเริ่มเป็นคนใหม่ ปรับ Mindset ให้ดีและพัฒนาตัวเองอย่างที่เราอยากเป็น! แต่ว่าเราจะล้มเหลวเหมือนปีก่อนๆ อีกไหมนะ?
วันแรกของปีใหม่ เรามักจะมีแผนการพัฒนาตัวเองที่ยิ่งใหญ่ วาดฝันว่าต้องเปิดธุรกิจใหม่ สุขภาพดีจากการออกกำลังกาย และอื่นๆ อีกมากมาย แต่พอถึงสิ้นปี ก็มีเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นที่เป็นจริงตามที่วางแผนไว้
ที่เกิดขึ้นแบบนี้ไม่ใช่เรื่องผิดแปลกเลยครับ เพราะแค่แรงบันดาลใจอย่างเดียวนั้นไม่พอที่เราจะเปลี่ยนพฤติกรรมเราได้ในข้ามคืน แต่สิ่งที่เราต้องการจริงๆ คือ แบบแผนการพัฒนาตัวเองและมายเซ็ทอย่างชาญฉลาดซึ่งจะช่วยให้เราทำได้อย่างยั่งยืนและไม่ฝืนตัวเองจนเกินไป
นนี้ผมอยากจะมาแชร์วิธีการปรับมายเซ็ทที่ผมลองมา แล้วรู้สึกค่อนข้างเวิร์ค นอกจากนี้ผมก็ได้รวบรวม Mindset ที่ผมคิดว่าเป็นทัศนคติหรือกรอบแนวคิดที่ควรมีเพื่อติดสปีดให้ชีวิตเราก้าวกระโดดในปี 2023 ครับ
Mindset คืออะไร?
Mindset คือ มุมมองของเราต่อสิ่งต่างๆ บนโลกนี้ ซึ่งมุมมองนี้เกิดจากกระบวนการทางความคิดจากประสบการณ์ที่เราพบเจอ ซึ่งหล่อหลอมให้เกิดทัศนคติและพฤติกรรมต่อสิ่งต่างๆ รอบตัว
ผมคิดว่าโควทในหนังสือ Mindset อธิบายความหมายของมายเซ็ทไว้ได้ดีมากๆ นั่นก็คือ มุมมองที่เราสร้างให้กับตัวเราเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่มีผลอย่างมีนัยยะสำคัญต่อการนำพาชีวิตไปในทิศทางต่างๆ
For thirty years, my research has shown that the view you adopted for yourself profoundly affected the way you lead your life.
ถ้าสนใจเรื่อง Mindset กับ ผมแนะนำให้อ่านเพิ่มเติมจากเล่มนี้เลยครับ เจ้าของโควทอธิบายให้ละเอียดเลย
Mindset กับ Attitude ต่างกันอย่างไร?
ผมคิดว่าหลายคนน่าจะมีคำถามผุดขึ้นมาแน่นอนว่า เอ๊ะ? แล้วมายเซ็ทกับทัศนคติ หรือที่เราเรียกกันว่า Attitude เนี่ย จริงๆ แล้วมันต่างกันยังไง?
Mindset คือ มุมมองต่อโลกที่เกิดจากกระบวนการทางความคิดและประสบการณ์ที่พอเจอ ในขณะที่ Attitude หรือ ทัศนคติ เป็นชุดความคิดที่เกิดจาก Mindset ของเราอีกที ซึ่งทำให้เรามีทัศนคติและมีพฤติกรรมต่อสิ่งต่างๆ รอบตัว
ถ้าอธิบายเป็นภาพจะเห็นได้ชัดขึ้นนั่นก็คือ 1) เราไปเจอประสบการณ์บางอย่าง 2) สมองของเราประมวลประสบการณ์ที่ได้รับเจอ หล่อหลอมให้เกิดเป็น Mindset ต่อสิ่งนั้นๆ และต่อมา 3) ทำให้เกิดทัศนคติและกรอบแนวคิดต่อสิ่งต่างๆ ที่เจอนั่นเอง
การปรับ Mindset สําคัญอย่างไร ต่อการพัฒนาตัวเอง?
การเข้าใจเรื่อง Mindset สำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาตัวเองครับ เพราะความเชื่อต่อสิ่งต่างๆ มีผลต่อทัศนคติและพฤติกรรมของเราโดยตรง ถ้าเรามีมายเซ็ทต่อสิ่งต่างๆ ในทางที่ดี เราก็จะมีพฤติกรรมที่โน้มเอียงไปในสิ่งที่เราเชื่อ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเรามี Mindset ต่อสิ่งต่างๆ ในทางลบ เราก็จะหลีกเลี่ยงพฤติกรรมนั้นๆ
ตัวอย่างที่เราจะเห็นได้ชัด ก็คือ Mindset ของเราต่อการออกกำลังกาย แน่นอนว่าเราทุกคนรู้ว่าการออกกำลังกายมีประโยชน์ทั้งกับสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจ แต่เราก็รู้ว่าการออกกำลังกายต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ไม่ได้เกิดผลในวันเดียว แถมต้องเหนื่อยอีกต่างหาก ดังนั้นพอเริ่มออกกำลังกายไปสักพัก เราก็จะเริ่มไม่อยากไปฟิตเนสอีก
วิธีการปรับ Mindset ให้พร้อมกับการเป็นคนใหม่ที่มี Mindset ที่ดี
ผมมีว่ามีคนเขียนเรื่องการปรับ Mindset ไว้ค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ซึ่งก็มีหลายส่วนที่ผมเอามาปรับใช้แล้วได้รู้สึกว่าได้ผลจริง และบางอันก็ไม่ได้เห็นผลชัดมากนัก
วันนี้ผมเลยอยากจะลองมาแชร์วิธีการที่ผมใช้แล้วเห็นว่าค่อนข้างเวิร์ค เผื่อว่าจะมีประโยชน์กับเราทุกคนที่อยากจะเปลี่ยน Mindset ปรับทัศนคติ ให้พร้อมกับการเป็นคนใหม่ในปี 2023 ครับ
วิธีการพัฒนาให้ตัวเองมี Mindset ที่ดี
- เริ่มจากการยอมรับว่าตัวเองต้องปรับ Mindset
- SMART GOAL ตั้งเป้าปรับ Mindset และพัฒนาตัวเองอย่างชาญฉลาด
- เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ด้วยการอ่านหนังสือ
- ออกจาก Comfort Zone
- อยากเป็นคนแบบไหน ลองพาตัวเองไปอยู่กับคนและสภาพแวดล้อมแบบนั้น
- สนุกไปกับกระบวนการมากกว่าการทำเป้าหมายให้สำเร็จ
เริ่มจากการยอมรับว่าตัวเองต้องปรับ Mindset
ผมคิดว่าการยอมรับว่า เรายังมีอีกหลายจุดที่ต้องปรับ คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดของการวางแผนปรับ Mindset ให้กับตัวเองเลยครับ
ตอนสมัยผมเด็กๆ ผมอยู่ในโรงเรียนที่ไม่ได้มีนักเรียนเก่งมากนัก ซึ่งทำให้ผมหลงคิดไปว่าตัวเองเรียนเก่งและฉลาดสุดๆ ไม่ต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือเยอะแยะ แต่พอผมย้ายโรงเรียนใหม่ในช่วง ม.ปลาย ไปเจอเด็กที่ได้ชื่อว่าเป็นเด็กท็อประดับประเทศ ทำให้ผมรู้ซึ้งทันทีครับว่าผมอ่อนด้อยขนาดไหน ผลสอบกลางภาคออกมา คะแนนที่ได้เกือบที่โหล่ของชั้นเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับแต่ก่อนที่ผมมักจะอยู่ในระดับท็อปของชั้นเสมอ (อันนี้ผมไม่ได้จะอวดนะครับ TT อย่างที่บอกไป ตอนนั้นผมคิดเองเออเองทั้งนั้น)
หลังจากนั้น Mindset ของผมก็เปลี่ยนไปทันที ผมได้มีประสบการณ์การเรียนร่วมกับเด็กเรียนเก่ง ว่าจริงๆ แล้ว คนเก่งๆ เค้าเรียนกันยังไง อ่านหนังสือแบบไหน ผมเริ่มที่จะปรับมายเซ็ทของตัวเอง มีทัศนคติต่อการเรียนที่เปลี่ยนไป และมีการปรับพฤติกรรมให้มีผลการเรียนที่ดีขึ้นครับ
SMART GOAL ตั้งเป้าปรับ Mindset และพัฒนาตัวเองอย่างชาญฉลาด
อีกหนึ่งวิธีที่ผมเห็นว่าหลายๆ คนใช้แล้วค่อนข้างเวิร์คก็คือการตั้งเป้าหมายแบบ SMART Goal ครับ ซึ่งเป็นการตั้งเป้าหมายที่เจาะจง วัดผลได้ ทำได้จริง มีความเกี่ยวข้องกับการปรับ Mindset ของเรา และอยู่ในกรอบเวลาที่เราทำได้อย่างยั่งยืนครับ
ตอนผมเอามาปรับใช้กับการปรับ Mindset ก็ไม่ได้ทำตามหลัก SMART ทั้งหมดนะครับ แต่ก็มีหลายๆ อย่างที่มาปรับใช้ได้ เช่น ผมอยากจะเป็นคนมีมายเซ็ทที่รักในการเรียนรู้ ผมเลยตั้งเป้ากับตัวเองว่า ผมจะเริ่มอ่านหนังสือที่ผมสนใจ 1 เล่มในเดือนนี้ โดยที่ผมไม่จำเป็นต้องอ่านให้จบเล่มก็ได้ แต่ผมต้องอ่านแล้วได้อะไรจากหนังสือเล่มนั้นจริงๆ
ในตอนนั้นเอง หนังสือที่ผมเลือกอ่านก็คือ หนังสือ Mindset ของ Carol Dweck ครับ เป็นหนังสือที่ดังมากๆ แถมขายดีสุดๆ ผมเริ่มอ่านและก็อินกับมันสุดๆ ครับ ซึ่งผมก็ไม่ได้อ่านทุกบทในหนังสือ แต่หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มแรก และเป็นหนังสือที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ผมเป็นคนมี Mindset ที่รักการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เลยก็ว่าได้ครับผม
ในแง่ของเป้าหมายการพัฒนาตัวเอง หนังสือเล่มนี้มีมุมมองที่แตกต่างจากหนังสือเล่มอื่น
เช่น เพราะเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อให้ทำตามเป้าหมายได้ แล้วจะทำสำเร็จได้ยังไงละ?
เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ ด้วยการอ่านหนังสือ
อย่างที่ผมเล่าไปว่า ประสบการณ์ที่เราพบเจอเป็นสิ่งที่สร้างมายเซ็ทของเรา และ Mindset ที่ว่านี้ก็เป็นสิ่งที่ทำให้เรามีทัศนคติและพฤติกรรมต่างๆ จากพื้นฐานของมายเซ็ทของเรา
ดังนั้นการหาประสบการณ์ใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนา Mindset เราได้ดีมากๆ และหนึ่งในวิธีการหาประสบการณ์ใหม่ๆ ได้รวดเร็วที่สุดก็คือการอ่านหนังสือนั่นเอง
หนังสือมักจะมีการบอกเล่าประสบการณ์ของผู้เขียนในหัวข้อนั้นๆ ว่าเป็นยังไง ซึ่งช่วยร่นระยะเวลาให้เราได้เยอะมากๆ เพราะแทนที่เราจะออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกที่อาจกินเวลาหลายเดือนหรือหลายปี เราสามารถรู้ได้ทันทีจากการอ่านหนังสือครับ
สำหรับผมแล้ว การอ่านหนังสือเป็นวิธีการปรับ Mindset ที่เวิร์คสุดๆ ถ้าใครกำลังมองหาวิธีการปรับมายเซ็ทตัวเองอย่างยั่งยืน ผมแนะนำมากๆ ให้ลองหาหนังสือในหัวข้อที่ตัวเองสนใจจริงๆ โดยอาจจะลองดูสักเล่มก่อน หรือไม่ก็ลองอ่านเป็นสรุปหนังสือ ไม่ก็รีวิวหนังสือดู ผมเชื่อว่าการอ่านหนังสือจะช่วยเปลี่ยน Mindset เราได้จริงๆ ครับ
นอกจากการตั้งเป้าหมายอย่างถูกต้องแล้ว การเข้าใจหลักการเปลี่ยนนิสัยและพฤติกรรมก็สำคัญมากๆ เหมือนกันครับ
สร้าง “ระบบ” ที่ช่วยสนับสนุนเราในการเป็นคน mindset ที่ดี ขึ้น เป็นไปได้ ถ้าได้ลองอ่านหนังสือเล่มนี้ครับ
ออกจาก Comfort Zone
การออกจาก Comfort zone ไปเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ จะช่วยหล่อหลอมให้เกิด Mindset ใหม่ๆ กับเราได้อย่างดีครับ แต่ว่าการออกจาก Comfort zone ก็มีข้อควรระวังที่ต้องคำนึงไว้ ซึ่งผมแนะนำให้ลองอ่านบทความแนะนำข้างล่างนี้ดูครับ ผมได้เล่าประสบการณ์การออก Comfort zone ของผมเอาไว้ เผื่อใครที่สนใจเกี่ยวกับการออกจาก Comfort zone ครับ
บทความแนะนำ
อยากเป็นคนแบบไหน ลองพาตัวเองไปอยู่กับคนและสภาพแวดล้อมแบบนั้น
มีหลากหลายงานวิจัยที่บอกว่าสภาพแวดล้อมมีผลต่อ Mindset และพฤติกรรมของเราครับ ผมเคยอ่านเจออยู่สองสามเรื่องครับ เช่น อยู่กับเพื่อนที่เป็นคนรวย เพิ่มโอกาสให้เรารวยตามเพื่อนได้ เพราะมีโอกาสเข้าถึงทรัพยากรบางอย่างที่คนอื่นอาจจะเข้าไม่ถึง
อีกเรื่องนึงมาจากหนังสือ Atomic Habits ครับ เรามีแนวโน้มที่จะกินน้ำอัดลมมากขึ้นเมื่อสภาพแวดล้อมเรามีตู้กดน้ำอัดลมอยู่รอบๆ แต่พอเอาตู้น้ำอัดลมออกไป อัตราการกินน้ำอัดลมก็ลดลงไป
ดังนั้นผมคิดว่าอันนี้อาจจะค่อนข้างยากนิดนึง เพราะใช่ว่าใครจะหาสภาพแวดล้อมแบบที่เราอยากเป็นได้ ซึ่งคำตอบก็คือ การพาตัวเองออกจาก comfort zone เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อปรับ Mindset ของตัวเองนั่นเองครับ
งานวิจัยอ้างอิง
สนุกไปกับกระบวนการ มากกว่าการแคร์เรื่องเป้าหมาย
ผมคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดรองจากการยอมรับตัวเองว่ายังมีบางอย่างที่เราต้องปรับปรุงเลยครับ
การออกกำลังกายเป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ หลายคนล้มเลิกเรื่องการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอไปเพราะการออกกำลังกายมันไม่สนุกเอาซะเลย (ผมเองก็เป็นครับ55555)
ผมก็ไม่ได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอมาก แต่ก็พยายามอยู่เรื่อยๆ นะครับ ที่ผ่านมาผมไปฟิตเนสประมาณเดือนละ 8 ครั้งก่อนเข้าทำงานในตอนเช้า (ตกอาทิตย์ละ 2 ครั้งโดยประมาณ) ซึ่งสำหรับผมแล้วทถือว่าเยอะมากๆ
สิ่งที่ผมทำก็คือเอาเพลงไปฟัง กับเอาซีรีย์ไปดูนั่นเอง ผมเอาสิ่งที่ผมเกลียดกับสิ่งที่ผมชอบมาทำพร้อมกัน ทุกๆ ครั้งที่ผมซิทอัพเสร็จครบเซ็ท ผมก็จะมาดูซีรีย์สักแปบนึง (3 – 5 นาที) แล้วก็ไปออกกำลังกายต่อ
ถามว่า เอ๊ะ แล้วแบบนี้มันจะไม่เสียอรรถรสในการดูหรอ? ห้ามใจตัวเองไม่ให้ดูต่อเนื่องได้ยังไง? ผมยอมรับว่าช่วงแรกๆ ก็แอบมีหลุดดูยาวบ้างครับ5555 แต่ว่าพอทำไปเรื่อยๆ กับเตือนใจตัวเองเราว่าต้องสุขภาพดีให้ได้ อยากเป็นคนมี Mindset ที่รักสุขภาพ ก็กลับมาออกกำลังกายต่อได้อีกครั้งครับ
ดังนั้นผมคิดว่า ถ้าเราอยากจะทำอะไรให้ยั่งยืน ให้ลองหาวิธีที่ทำให้เราสนุกกับกระบวนการนั้นๆ ครับ แน่นอนว่าช่วงแรกๆ มันอาจจะไม่ได้มีประสิทธิภาพมากนัก แต่ถ้าทำไปเรื่อยๆ จนชินละก็ แผนการพัฒนา Mindset ก็จะเป็นไปได้อย่างยั่งยืนครับ
9 Mindset ที่ดี เพื่อพัฒนาตัวเองเป็นคนใหม่ในปี 2023
สำหรับคนที่พร้อมแล้วกับการปรับ Mindset ให้ตัวเองมีทัศนคติที่ดีต่อการเป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิม แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าควรจะปรับมายเซ็ทของตัวเองในทิศทางไหน กรอบแนวคิดและทัศนคติแบบไหนที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในอนาคตกันนะ?
ผมเลยหยิบเอา 9 มายเซ็ทที่ผมคิดว่าจะช่วยให้เราพัฒนาตัวเองไปในทิศทางที่ดีมากๆ ทั้งในปี 2023 และในอนาคตอันแสนไกลข้างหน้า ให้เรามี mindset การทำงานที่ดี และมี mindset ของคนที่ประสบความสำเร็จ จะมีมายเซ็ทอะไรบ้าง มาดูกันเลยครับ
1. Growth Mindset กรอบแนวคิดแบบเติบโต
Growth Mindset คือ มุมมองที่เชื่อว่าความรู้และความสามารถของเราสร้างขึ้นได้จากการเรียนรู้ คนที่มี Growth Mindset มักจะเชื่อในศักยภาพของตัวเองมากกว่าเรื่องของพรสวรรค์ ซึ่งแตกต่างจากสิ่งที่เรียกว่า Fixed Mindset ที่เชื่อว่าคนเราไม่สามารถเก่งไปกว่านี้ได้ เพราะความฉลาดและความสามารถเป็นพรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด
Growth Mindset เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในมายเซ็ทที่สำคัญที่สุดต่อความสำเร็จในการพัฒนาตัวเองและต่อการประสบความสำเร็จในชีวิตเลยก็ว่าได้ครับ มีตัวอย่างของคนประสบความสำเร็จมากมายที่มีทุกวันนี้ได้เพราะมี Growth Mindset ที่ผลักดันตัวเองให้พัฒนาอย่างต่อเนื่องครับ
ดังนั้นผมมองว่าไม่ใช่แค่เฉพาะปี 2023 เท่านั้น แต่ในอีกหลายปีข้างหน้า การมี Growth Mindset จะสำคัญมากๆ ต่อการพัฒนาตัวเองและการปรับ Mindset ให้ประสบความสำเร็จในปัจจุบันครับ
ถ้าสนใจเรื่อง Growth Mindset กับ Fixed Mindset ผมแนะนำให้อ่านเพิ่มเติมจากเล่มนี้เลยครับ อธิบายให้ละเอียดเลย
2. Lifelong learner Mindset เปลี่ยนตัวเองให้เป็นนักเรียนรู้ตลอดชีวิต
การเป็นคนที่รักการเรียนรู้ พร้อมที่จะเรียนรู้ตลอดชีวิต หรือที่หลายๆ คนเรียกกันว่า Lifelong learner จะเป็นสิ่งที่ช่วยให้เรามีโอกาสประสบความสำเร็จในสิ่งต่างๆ มากกว่าคนอื่นครับ
Lifelong learning หรือ การเรียนรู้ตลอดชีวิต คือ มายเซ็ทและความเชื่อที่ว่า การเรียนรู้นั้น แท้จริงแล้วไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้มีแรงผลักดันให้เราเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัวอย่างไม่รู้จบ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในโลกที่หลากหลายอย่างเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เราต้องเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เสมอ
การเรียนรู้ตลอดชีวิต ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าตลอดชีวิต ดังนั้นคงไม่ใช่แค่มุมมองหรือแนวคิดที่สำคัญเฉพาะในปี 2023 แน่ๆ ครับ แต่จะเป็นสิ่งที่เป็นรากฐานสำคัญต่อการประสบความสำเร็จในการพัฒนาตัวเอง การปรับ Mindset หรือการทำงานในอนาคตของเราแน่นอนครับ
3. Outward Mindset กรอบแนวคิดที่เห็นความสำคัญทั้งของตนเองและผู้อื่น
Outward Mindset คือ กรอบแนวคิดหรือทัศนคติที่ให้ความสำคัญทั้งต่อตัวเราและต่อคนอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การทำงานเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแนวคิดนี้เป็นการให้ความสำคัญกับการทำงานโดยภาพรวมของโปรเจ็คหรือองค์กรมากกว่าเป้าหมายของตัวเราเอง
ผมคิดว่าการที่เรามีความเข้าใจอีกฝ่ายที่ร่วมงานด้วย มี Empathy ซึ่งกันและกัน จะทำให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพอย่างมาก แต่ผมคิดว่ามายเซ็ทแนวนี้เป็น Mindset ที่ค่อนข้างเหมาะกับการไปใช้ในองค์กรมากกว่าการที่เราจะนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของเรา
แต่สิ่งที่ผมคิดว่าสำคัญมากๆ จากแนวคิดแบบ Outward Mindset ก็คือการมี Empathy ครับ ความสามารถในการเข้าใจผู้อื่นไม่ใช่แค่ช่วยในเรื่องการทำงานให้มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่สามารถนำไปปรับใช้กับการเข้าใจลูกค้า ซึ่งนำไปสู่การเจอโอกาสในธุรกิจอื่นๆ อีกมากมายในอนาคตครับ
4. Global Mindset ทัศนคติแบบนี้ ทำงานกับใครก็ราบรื่น
ในโลกที่เราเข้าถึงกันง่ายมากขึ้นผ่านอินเตอร์เน็ต ทำให้จิตใจของเราไม่ใช่แค่คนของประเทศใดประเทศนึง แต่เป็นคนของโลกนี้ หรือ Global citizenship นั่นเอง ซึ่งมุมมองหรือความเชื่อเรื่องความหลากหลายของคนและวัฒนธรรมจะเป็น Mindset ที่ดีในอนาคตต่อการใช้ชีวิตและการทำงานเป็นอย่างมาก
มุมมองแบบนี้เราเรียกกันว่า Global mindset ครับ ซึ่งผมมองว่าสำคัญมากๆ โดยเฉพาะกับคนที่อยากจะทำงานกับบริษัทต่างชาติ หรืออยากจะไปเรียนต่อต่างประเทศ เพราะการเข้าใจในความหลากหลายของคนและวัฒนธรรมจะทำให้เราคุยกับใคร ทำงานกับใครก็ราบรื่นครับ
5. Entrepreneurial Mindset กรอบแนวคิดช่วยปั้นธุรกิจให้ติดตลาด
ทุกวิกฤติมีโอกาสสำหรับคนที่มองเห็นโอกาสนั้นครับ ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิท-19 เราจะเห็นหลากหลายธุรกิจที่เจอผลกระทบหนักมากๆ ตรงกันข้ามกับ Entrepreneur อีกหลากหลายคนที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะเห็นโอกาสจากวิกฤตครั้งนี้
การจะเป็นเจ้าของธุรกิจได้นั้น เราต้องมี Mindset ที่เป็นรากฐานสำคัญต่อการบริหารธุรกิจที่ทำให้เรามองเห็นโอกาสเหมือนที่นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเห็นกัน ซึ่งผมมองว่า มีหลายๆ คนอาจจะอยากเริ่มธุรกิจมาสักพักนึงแล้ว แต่ก็ยังคิดอยู่ว่าควรเริ่มมันดีไหม ผมคิดว่าสิ่งแรกที่ควรมีเลยก็คือ Entrepreneurial mindset ที่จะช่วยให้เราเข้าใจการทำธุรกิจมากขึ้นและช่วยให้เราตัดสินใจอย่างชาญฉลาดว่าเราควรจะเริ่มหรือไม่เริ่มเป็นเจ้าของธุรกิจครับ
การมีมายเซ็ทแบบเจ้าของธุรกิจนั้นเป็น Mindset ที่ไม่ใช่แค่เฉพาะในปี 2023 เท่านั้นถึงจะมีได้นะครับ เพราะการเป็นเจ้าของธุรกิจเป็นสิ่งที่ไร้กาลเวลา ใครๆ ก็เป็นได้อยู่ที่เราเลือกว่าจะเป็นตอนไหน ถ้าเรามีแผน มี Mindset ที่พร้อมต่อการเป็นผู้ประกอบการ ทำไมเราจะเริ่มไม่ได้ใช่ไหมละครับ?
6. Digital Mindset ทัศนคติที่ช่วยให้เราเท่าทันในโลกยุคดิจิทัล
การปรับ Mindset เมื่อโลกก้าวสู่ยุคดิจิทัลเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในปี 2023 ครับ เพราะโลกเรากำลังถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และคนที่ตามไม่ทันในเรื่องเทคโนโลยีจะทำงานยากลำบากกว่าคนอื่นครับ
แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเรียนรู้เรื่องเทคโนโลยีและตามโลกดิจิทัลได้ทุกคนนะครับ สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราก้าวทันในยุคดิจิทัลก็คือการมีพื้นฐานด้านมายเซ็ทที่สำคัญต่อโลกดิจิทัล ซึ่งเรามักจะเรียกมายเซ็ทนี้ว่า Digital mindset ครับ
Digital Mindset คือ ทัศนคติและวิธีคิดที่ช่วยให้เราสามารถปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีได้ในวันที่โลกเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจากการขับเคลื่อนของเทคโนโลยี ซึ่งสำคัญมากๆ ในปี 2023 และอนาคตข้างหน้าที่เทคโนโลยีจะมีความซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
7. Innovative Mindset กรอบแนวคิดสร้างสรรค์นวัตกรรม
เรามักจะเห็นว่า นวัตกรรมเป็นส่วนสำคัญที่ส่งเสริมให้ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเสมอ แต่เราก็รู้กันดีว่า สิ่งที่เรียกว่านวัตกรรมก็ใช่ว่าจะคิดกันได้ง่ายๆ
แต่เมื่อลองไปศึกษาธุรกิจหรือบุคคลที่ประสบความสำเร็จละก็ เราจะพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะมีวิธีคิดและ Mindset ในการทำธุรกิจที่ค่อนข้างแตกต่างจากคนอื่น เช่น มีวิธีการหารายได้ในแบบที่สร้างสรรค์สุดๆ หรือมีวิธีคิดสินค้าและบริการแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ซึ่งวิธีคิดเหล่านี้ทำให้เกิดนวัตกรรมขึ้นในองค์กรครับ
การที่เราจะมีมายเซ็ทแบบนี้ได้นั้น เราต้องพัฒนาตัวเองให้มีสิ่งที่เรียกว่า Innovative mindset ที่เป็นแนวคิดที่ผสมผสาน 3 สิ่งเข้าด้วยกัน นั่นก็คือ ความช่างสงสัย การทดลองสิ่งใหม่ๆ และความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ขึ้นครับ
ผมเชื่อว่าในปี 2023 และอีกหลายปีข้างหน้า นวัตกรรมจะยังเป็นสิ่งชี้ขาดการทำธุรกิจให้สำเร็จในอนาคต และคนที่มี Mindset ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมจะได้เปรียบคนอื่นไปหลายก้าวเลยทีเดียว
8. Resilience Mindset ถ้าไม่ไหวก็พักก่อน แล้วค่อยกลับมาสู้ต่อ
ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หลายครั้งเราก็ไม่ได้ตั้งตัวรับมือกับมันให้ดี ทำให้เราทำงานผิดพลาด หรือล้มเหลวในการทำธุรกิจ ซึ่งทำให้เราเสียทั้งแรงกายและแรงใจในการทำงานต่อ
แต่ในเส้นทางของการพัฒนาตัวเองนั้น แน่นอนว่าเราจะต้องมีการทำผิดพลาดระหว่างทางแน่นอน และความผิดพลาดเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้เราเติบโตขึ้น ถ้าเป็นในแง่ธุรกิจละก็ ความผิดพลาดจะเป็นสิ่งที่ต่อยอดธุรกิจให้เราประสบความสำเร็จนั่นเอง
แต่ก็ใช่ว่าเราจะคิดแบบนี้ได้นะครับ การจะคิดแบบนี้ได้เราต้องมี Mindset ที่ช่วยให้เราระลึกได้ว่า เมื่อเราล้มเราก็ต้องลุกให้ได้ ซึ่งเราจะเรียกมายเซ็ทนี้ว่า Resilience Mindset ครับ
การมี Resilience mindset นั้นไม่ใช่แค่เรื่องของ Mindset อย่างเดียวเท่านั้นนะครับ แต่ยังเป็นเรื่องของการพัก เป็นเรื่องของแรงใจที่พร้อมจะปลุกพลัง “ฮึ้บ” ของตัวเอง พักผ่อนให้เพียงพอ สูดหายใจลึกๆ และเริ่มต้นใหม่อีกครั้งให้ได้ ซึ่งการมีมายเซ็ทแบบนี้สำคัญมากๆ ในอนาคตครับ
9. Rethinking เปลี่ยนตัวเองให้คิดใหม่ ไม่ยึดติดกับประสบการณ์ในอดีต
เปลี่ยน Mindset ว่ายากแล้ว เปลี่ยนความคิดที่ตัวเองเชื่อมาตลอดยิ่งเป็นสิ่งที่ยากเข้าไปใหญ่ หลายๆ ครั้งเรามักจะเชื่อในประสบการณ์ของตัวเองมากกว่าข้อมูลใหม่ๆ ที่เราไม่คุ้นเคย ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งให้เราไม่สามารถพัฒนาตัวเองได้ครับ
ดังนั้นการเปลี่ยน mindset ให้ตัวเองสามารถวิเคราะห์ข้อมูลใหม่ และสามารถคิดใหม่ได้จากข้อมูลที่เราเจอ และนำมาปรับเปลี่ยนวิธีการพัฒนาตัวเองและการทำธุรกิจจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ ในอนาคตครับ
บทความแนะนำ
สรุป Mindset (มายเซ็ท) และการพัฒนาตัวเองในปี 2023
ถ้าใครอ่านมาถึงตรงนี้แสดงว่ามีจิตใจแรงกล้าในการเปลี่ยน Mindset เพื่อพัฒนาตัวเองให้เป็นตัวเราในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าสูงมากๆ เลยครับ เป็นสัญญาณที่ดีมากๆ เลยทีเดียว
สำหรับผมแล้ว การจะพัฒนาตัวเองและออกแบบชีวิตให้ได้ตามที่เราต้องการได้นั้น นอกจากเราจะต้องมีทักษะแล้ว เราก็ต้องมี Mindset ที่ดีครับ
ซึ่งบทความนี้ผมก็ได้นำประสบการณ์ที่ผมเจอจากการพัฒนาตัวเองและปรับมายเซ็ทให้มี Mindset ที่ดีและ Mindset ในการทำงานที่ดีในอนาคตข้างหน้า ผมหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับเราทุกคนและขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จกับการพัฒนาตัวเองและเปลี่ยน Mindset ในปี 2023 นะครับ 🙂
พัฒนา mindset ที่ดี ให้กับตัวเองใน ปี 2023 ซึ่งหนังสือเล่มนี้แบ่งบทแยกออกมาตามสถานการณ์ให้อ่านได้ตามบริบทของแต่ละคนได้เลยครับ
ในแง่ของเป้าหมายการพัฒนาตัวเอง หนังสือเล่มนี้มีมุมมองที่แตกต่างจากหนังสือเล่มอื่น
เช่น เพราะเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อให้ทำตามเป้าหมายได้ แล้วจะทำสำเร็จได้ยังไงละ?
บทความนี้มีเป็นประโยชน์กับคุณหรือไม่?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวตเลย!
Average rating 5 / 5. Vote count: 58